“สิงโตคำราม” อังกฤษ ไม่ได้แชมป์ “เมเจอร์” รายการใดมานาน แต่ในช่วงหลังๆ พวกเขาใกล้เคียงมากขึ้นเรื่อยๆ
การเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ถือว่าเกินความคาดหมายของแฟนบอลไปไม่น้อย แต่ขณะเดียวกัน มันก็ทำให้เกิดความคาดหวังที่เพิ่มมากขึ้นไปด้วย
ในยูโร 2020 ซึ่งแข่งในปี 2021 อังกฤษ ก็สามารถเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ เหลืออีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น พวกเขาก็จะประสบความสำเร็จ
ถ้าหากไม่ดวลลูกจุดโทษแพ้ต่อ อิตาลี ในเกมชิงดำ พวกเขาก็จะคว้าแชมป์ “เมเจอร์” รายการแรก นับตั้งแต่แชมป์ฟุตบอลโลก ในบ้านตัวเอง เมื่อปี 1966 ไปครองแล้ว
แต่ผลงานที่ยอดเยี่ยมใน 2 ทัวร์นาเมนต์ใหญ่ที่ผ่านมา ไม่ได้การันตีว่าพวกเขาจะทำผลงานได้ดีต่อเนื่อง ในฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ที่กาตาร์
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นี่คือฟุตบอลโลก ที่แตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา ทั้งจากเหตุผลที่เล่นในประเทศที่สภาพอากาศไม่คุ้นเคย และในช่วงเวลาที่ฟุตบอลลีกกำลังเข้ากลางฤดูกาล
ยิ่งไปกว่านั้น “สิงโตคำราม” ภายใต้การคุมทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ยังอยู่ในช่วงฟอร์มแย่ นักเตะหลายคนที่เคยเล่นดีกลับฟอร์มตก และแทบทั้งทีม กรำศึกหนักกับสโมสร จนแทบจะยกแข้งยกขาไม่ขึ้น
ปัจจัยบวกที่เคยมีทั้งหลายจึงหายไปแทบหมดสิ้น เหลือแค่เรื่องด้านลบ ทั้งฟอร์มตก นักเตะเจ็บ กุนซือโดนวิจารณ์ และอื่นๆอีกมากมาย
เรียกได้ว่า อังกฤษ เข้าสู่ทัวร์นาเมนต์ในช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุดเลยก็ว่าได้
“อังกฤษ กำลังระส่ำหนัก“
นี่คือพาดหัวใหญ่ของ “เดอะ ซัน” สื่อดังของเมืองผู้ดี ตอนที่ทีมทรีไลออนส์ แพ้ต่อ อิตาลี และร่วงลงไปเล่นลีก B ในลีกยูฟ่า เนชันส์ ลีก เมื่อเดือนกันยายน ที่ผ่านมา
เมื่อดูจากผลงานในช่วงหลัง พาดหัวดังกล่าวก็ดูจะไม่เกินเลยไปนัก เมื่ออังกฤษ ไม่ชนะใครมา 6 เกมติดต่อกัน และจะมุ่งหน้าสู่กาตาร์ด้วยสถิติไม่ชนะทีมใดตั้งแต่เดือนมีนาคมปีนี้คำพูดจาก สล็อต
อย่างไรก็ตาม อังกฤษ อยู่ในกลุ่มที่ถือว่าไม่หนักนักในรอบแรก ร่วมกับ สหรัฐอเมริกา, เวลส์ และ อิหร่าน
แถมพวกเขายังจะได้เล่นนัดเปิดสนามด้วยเกมที่น่าจะเบาที่สุดกับ อิหร่าน ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ทำให้ถ้าหากคว้าชัยชนะประเดิมได้แบบสวยๆ บรรยากาศในทีมอาจจะเปลี่ยนไป
ฟิล เนวิลล์ อดีตกองหลังทีมชาติอังกฤษ กล่าวว่า “ผมคิดว่าเรามีทีมที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมี เมื่อก่อน เรามีนักเตะที่มีความสามารถเฉพาะตัวดี แต่ตอนนี้ เรามีทีมที่ดี และเราก็มีผู้จัดการทีมที่ดี ที่สามารถนำพวกเขาไปสู่ความสำเร็จได้”
“ผมเชื่อว่า เซาธ์เกต คือคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับงานนี้ และเขาก็คือกุนซือที่พา อังกฤษ ทำผลงานดีที่สุดนับตั้งแต่ เซอร์อัลฟ์ แรมซีย์ เมื่อปี 1966”
ซูเปอร์สตาร์ของอังกฤษชุดนี้ยังคงเป็น แฮร์รี เคน กองหน้าจากทอตแนม ฮอตสเปอร์ เจ้าของตำแหน่งดาวซัลโว ในศึกฟุตบอลโลก เมื่อ 4 ปีที่แล้ว
เคน ในวัย 29 ปี ยังถือเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในโลก และอยู่ในฟอร์มที่ดีกับไก่เดือยทองในฤดูกาลนี้ ทำให้เขาน่าจะช่วยทีมได้มากทีเดียวที่กาตาร์
นอกจากนั้น รอบข้างเขายังมีตัวสนับสนุนส่งเสริมชั้นดีหลายคน ไม่ว่าจะเป็น ฟิล โฟเดน, เมสัน เมาท์, ราฮีม สเตอร์ลิง, บูกาโย ซากา และอีกหลายคน
เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ แบ๊กขวาจากลิเวอร์พูล บอกว่า “ไม่เคยมีข้อสงสัยในใจผมว่าเราเป็นแชมป์ได้ เราแสดงให้เห็นแล้วว่าเราเข้าไปใกล้ได้แค่ไหน เราจึงแค่ต้องทำมันอีกครั้ง”
“เรามีนักเตะหลายคนที่ได้แชมป์มามากมาย พวกเขาเกิดมาเพื่อเป็นแชมป์ มีคนในทีมรู้ว่าการเป็นแชมป์ต้องทำยังไง และเรามั่นใจว่าจะทำได้”
ขณะที่ เท็ดดี เชอริงแฮม อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ ก็แสดงความมั่นใจว่า เซาธ์เกต จะพาทีมไปถึงฝั่งฝันได้แน่นอน โดยกล่าวว่า “ผมคิดว่าเขารู้ดีว่าจะต้องทำยังไง และเขามีทีมที่ดีพอที่จะทำได้ เขาอยู่กับทีมมานาน เขารู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไร และเขารู้ดีว่า ถ้าหากทำได้ เขาจะกลายเป็นตำนานทันที”
ปัญหาใหญ่ของ อังกฤษ อาจจะอยู่ในแดนหลัง เมื่อตัวหลักที่ เซาธ์เกต ใช้มาตลอด และยืนยันว่าจะใช้ต่อไปอย่าง แฮร์รี แม็คไกวร์ ไม่มีตำแหน่งตัวจริงกับต้นสังกัด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แถมยังอยู่ในฟอร์มที่ไม่ดี และมีความผิดพลาดให้เห็นบ่อยๆ
นอกจากนั้น กองหลังคนอื่นก็เจ็บออดๆแอดๆ และเข้าออกทีมอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น จอห์น สโตนส์, เอริค ดายเออร์, คอนนอร์ โคดี หรือ ไคล์ วอล์คเกอร์
และยังมีพวกตัวหลักที่เจ็บ และหมดสิทธิลงเล่นแน่นอนอย่าง รีซ เจมส์ และ เบน ชิลล์เวลล์ แบ๊กขวา-ซ้ายจากเชลซี
แกเร็ธ เซาธ์เกต จึงต้องภาวนาอย่าให้มีใครเจ็บอีก และนักเตะแต่ละคนก็ต้องอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่านั้น พวกเขาถึงจะมีโอกาสไปถึงฝันที่กาตาร์
ไม่อย่างนั้นก็หมดสิทธิแน่นอน ?